Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Technics, Maintenance & Problem solving
ปาวาฬไม่สบาย!!!
หยก วาฬน้ำเงิน:
--- อ้างจาก: ตูมตาม ที่ 15 กันยายน 2014, 23:46:40 ---
นึกจินตนาการให้ดีครับ กรณีนี้จะเกิดกับผู้ที่เอารถเข้าไปแล้วไม่เคยอยู่ดูรถ ไม่รู้เรื่องรายละเอียดการเปลี่ยนอะไหล่ว่าต้องใช้อะไรเท่าไหร่ ใบที่ศูนย์พิมพ์ออกมาให้ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ค่อยจะอ่าน สรุปคือไม่รู้เรื่องอะไรเลย .... ลูกค้าประเภทนี้จะรู้อยู่อย่างเดียวคือ....................... เช็คระยะที่นี่ราคาถูกดีจังจ้าาาาาาาาาาาาาา .... ดังนั้นนอกจากน้ำมันเกียร์จะระเหยไป 5 ลิตรแล้ว ลูกค้ายัง Happy อีกต่างหาก :L2754: :L2754: :L2754: ... ทีนี้เมื่อลูกค้า Happy ก็จะกลับมาใช้บริการอีกบ่อยๆไงละคร้าาาาาบ
--- End quote ---
ในฐานะเจ้าของรถที่เคยเชื่อมั่นในระบบศูนย์บริการยอมรับครับว่าที่ผ่านมาไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเท่าที่ควร เราจะคิดเสมอว่าเข้าศูนย์ถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทุกครั้ง + เปลี่ยนอะไหล่ตามโปรแกรมที่ศูนย์จัดให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าราคาถูกหรอกนะครับ กรณีของผมค่าใช้จ่ายมันแพงมากเสียด้วยซ้ำแต่ที่ต้องเข้าศูนย์เพราะต้องการรักษาสิทธิ์การรับประกันไว้ เพราะอย่างไรก็ตามหากเกิดความเสียหายอะไรขึ้นภายในระยะ 100,000 กม.หรือภายใน 6 เดือนหลังเข้ารับบริการทางศูนย์จะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่าง ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาพวงมาลัยมีเสียงฝืดเวลาเลี้ยวเข้าไปแจ้งศูนย์ก็เคลมให้ทั้งแกนเลย (อ้างว่าเปลี่ยนทั้งแกนแต่ความจริงไม่รู้ว่าเปลี่ยนจริงหรือเปล่าเพราะไม่มีหลักฐานอะไรเลย อะไหล่เก่าก็ไม่ได้คืนให้อ้างว่าต้องส่งคืน MMTH) อีกตัวอย่างนึ่งคือการเคลมเทอร์โบ เข้าไปแจ้งว่าเทอร์โบเยิ้มเขาก็เคลมให้เลย (อันนี้เปลี่่ยนจริงครับเพราะเคยถ่ายรูปไว้)
สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องทางเทคนิคเกี่ยวกับรถของตัวเองสักเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความไว้วางใจในตัวศูนย์เป็นอย่างมาก (ในขณะที่นั่นคือกับดักหลุมพรางดีๆนี่เอง) เพราะอาการที่หมักหมมเอาไว้จากการไม่ได้เปลี่ยนถ่ายอะไหล่หรือของเหลวจริงตามที่ทางศูนย์แจ้งนั้นมันมักจะเกิดขึ้นหลังจากระยะ 100,000 กม.หรือหมดประกันศูนย์ไปแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ยากมากในการหาข้อพิสูจน์ว่าสาเหตุที่แท้จริงของความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีต้นเหตุจากสิ่งใด ยกตัวอย่างกรณีของผมช่างศูนย์ (ช่างหรือเปล่าไม่แน่ใจ) อาจไม่ได้ไล่อากาศในหม้อน้ำออกจดหมดเกลี้ยงแต่คความเสียหายมาเกิดขึ้นหลังจากเข้าศูนย์ไปแล้ว 2 เดือน แล้วเหตุใดลูกค้าจะต้องเป็นคนพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ใดในรถที่เกิดความเสียหายและเสียหายอย่างไร ทำไมไม่เป็นฝ่ายศูนย์บ้างที่ต้องเช็คว่าการให้บริการถูกต้องตามขั้นตอนมาตรฐานไหม??? ช่างผู้ปฏิบัติงานมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่??? หัวหน้าช่างมีการควบคุมและตรวจงานลูกน้องอย่างรัดกุมหรือเปล่า??? ทำไม่ต้องเป็นลูกค้าที่ต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์อยู่ฝ่ายเดียวล่ะ??? หรือคิดว่าคนที่ทำงานในศูนย์บริการเป็นเทวดากันหมดถึงทำผิดไม่เป็นกันเลยหรืออย่างไร???
หรือกรณีน้ำมันเกียร์ (ที่คงจะไม่ได้เปลี่ยนให้ผมตามกำหนดตั้งแต่เข้าเช็ค 80,000 กม.) หากรถเกิดชุดเกียร์เสียหายหรือครัชไหม้ที่ระยะ 100,001 กม.ขึ้นมาคงไม่ต้องบอกนะครับว่าศูนย์จะรับผิดชอบไหม คงจะบอกเหมือนกันว่าต้องแจ้งให้สำนักงานใหญ่ส่งวิศวกรมาตรวจสอบว่าต้นเหตุของความเสียหายเกิดจากเกิดจากสาเหตุใด หลังจากรอเขาสะดวกเข้ามาพบผมเมื่อไหร่แล้วนั้น ถ้าต้องการพิสูจน์ทราบความเสียหายผมคงต้องเอารถเข้าไปถวายเจ้าหน้าที่และทิ้งรถไว้ให้ช่างรื้อโน่นรื้อนี่ถอดโน่นถอดนี่เข้าๆออกๆไม่รู้กี่ครั้งสตาร์ทรถผมทิ้งให้เดินเบาไว้ 3 วัน 2 คืนเพื่อตรวจสอบค่าความร้อน เหอะๆ นี่แค่คิดก็เครียดแล้วครับ ตรงกันข้ามทำไม MMTH ไม่คิดจะเข้าไปตรวจสอบศูนย์บริการบ้างว่าทำอะไรกันอยู่ หรือทั้ง MMTH ทั้งศูนย์บริการต่างรับทราบพฤติกรรมกันดีอยู่แล้วและรวมหัวกันรู้เห็นเป็นใจช่วยกันปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าที่เชื่อมั่นในสินค้าของคุณจนยอมจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อซื้อบริการหลังการขายที่ไม่มีเสียยังจะดีซะกว่า???
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: เปี่ยม Goodboy ที่ 15 กันยายน 2014, 23:27:59 ---อำลาศูนย์ดีมั้ยเนี่ยผม ไปหาอู่แบบไว้ใจทาง วางใจอู่ดีกว่ามั้ยเนี่ย
--- End quote ---
เรื่องแบบนี้มีเกิดขึ้นประจำจนเป็นเรื่องธรรมดาของรถทุกยี่ห้อครับ จะเจ้าตลาด หรือยุโรปราคาแพงก็มีหมดครับ แต่ผมเชื่อว่าศูนย์บริการที่ดีก็ยังมีอีกเยอะครับ ... ไม่อยากให้ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นกันทั้งบ่อ ... อยู่ที่เราเลือกศูนย์บริการไหนที่จะใช้บริการ และตัวเราเองตรวจสอบการทำงานของศูนย์มากน้อยแค่ไหน ไม่ต้องถึงขนาดยืนเฝ้าตลอดเวลา (แบบผม) หรอกครับ ... แค่ตรวจสอบในเอกสารให้ถูกต้อง รวมถึงขอ "ซาก" กลับทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง แกลลอน หรืออะไหล่ ควรขอให้เก็บไว้ให้เราทัังหมดครับ ขนเอากลับมาทิ่งที่บ้านก็ได้ ถ้าเป็นอะไหล่ ผมก็เอาไปขายร้านรับซื้อของเก่า ได้เงินมานิดหน่อยเอาไปหยอดตู้ทำบุญวัดก็ยังดีครับ
ผมมั่นใจว่าขบวนการที่ทำแบบนี้เขาเลือกคนครับ เขาไม่ทำกับคนทุกคน ดังนั้นถ้าเราทำตัวให้เขารู้สึกเสี่ยงที่จะทำแบบนี้กับเรา เขาก็จะไม่ทำครับ แต่ถ้าเราเกิดมีลักษณะเหมือนเป้าหมายเขา ... งานนี้คงไม่รอดครับ
ตลอดเวลาที่ใช้รถมา ผมใช้รถ Honda ตลอดมา มีเหตุผลเดียวครับ คือเจ้าของศูนย์บริการเป็นเพื่อนกัน และเจ้าเพื่อนนี่มันดันดูแลฝ่ายช่างโดยตรง คือไม่เหมือนเจ้าของศูนย์ทั่วๆไปที่ดูแต่การบริหาร แต่เจ้าเพื่อนผมนี่มันจะมานั่งทำตัวเป็นพนักงานฝ่ายบริการลูกค้า รับรถลูกค้าเองด้วยบางที และดูแลเรื่องการเบิกของจากฝ่ายอะไหล่เอง การที่เจ้าของศูนย์ลงมาดูในรายละเอียดแบบนี้ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดได้ยากครับ ช่างเก๋าๆมาจากที่อื่น มาอยู่ที่นี่มักอยู่ไม่นาน เพราะของกินมีน้อย ช่องไม่เปิด หนีไปหาที่อื่นที่มีรูรั่วเยอะๆดีกว่า ดังนั้นตลอดเวลาที่ใช้ Honda เจ้าเพื่อนผมจะดูแลให้อย่างใกล้ชิดครับ รวมถึงพนักงานทุกคนก็รู้ว่าผมรู้จักเจ้าของ การจะทำอะไรกับรถผมคงต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ผมจึงสามารถไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง เอารถไปจอดไม่เคยเฝ้าดูช่างทำงาน แต่การขออะไหล่ทุกอย่างกลับติดมาเป็นนิสัยตั้งแต่ดูแลรถให้พ่อให้แม่สมัยวัยรุ่น
เมื่อเปลี่ยนมาใช้มิตซู เรียกได้ว่าน้องปานี่เป็นคันแรกที่ออกจากศูนย์ที่ไว้ใจได้อย่าง Honda มาเป็นศูนย์มิตซู ที่ผมไม่รู้จักใครเลย เดชะบุญที่ศูนย์มิตซูที่ผมใช้บริการเป็นศูนย์เล็กๆ ไม่เคร่งครัดในเรื่องกฎที่ห้ามลูกค้าเข้าไปดูช่างทำงาน ดังนั้นทุกครั้งที่เอารถเข้าไป ผมก็จะไปยืนดูช่างทำงาน ดูจนรู้จักช่างทุกคน ซื้อขนมเลี้ยงบ้าง น้ำเลี้ยงบ้าง จนพาไปเลี้ยงข้าวก็มี จนเดี๋ยวนี้ศูนย์นี้เริ่มจะเคร่งครัดเรื่องกฎมากขึ้น แต่ผมก็ยังได้รับการยกเว้น ผู้จัดการศูนย์มีเดินมามองบ้าง แต่ไม่เคยไล่เวลาผมเข้าไปในส่วนการทำงานของช่าง ... ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกครับว่าศูนย์ที่ผมใช้บริการอยู่จะมีเหตุการณ์แบบนี้ด้วยหรือไม่ ผมเพียงแต่ทำให้พนักงานศูนย์รู้สึกว่าเสี่ยงที่จะมาทำแบบนี้กับผมแค่นั้นเอง
สุดท้ายคงหวังพึ่งใครไม่ได้ครับ คงต้องช่วยตัวเอง ที่หวังพึ่งได้ก็คงมีแค่ข้อมูลต่างๆที่พี่ๆทุกท่านในบ้านปามาเนียแห่งนี้เอามาแชร์กัน ให้รับรู้ข้อมูลเพื่อระมัดระวังด้วยตัวเองละครับ
:sd23: :sd23:
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: พี่เอริท์ ที่ 16 กันยายน 2014, 06:55:33 ---ส่วนดรื่องน้ำมันเกียร์ ผมลองคิดดูนะครับ ส่วนตัวที่เคยทำงานแนวนี้มาก่อนกับรถยี่ห้อนึง มันจะแบ่งระยะที่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออก เป็น 2ระยะ
1. ถ้าเกิดเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ แบบธรรมดา. คือ ถ่ายน้ำมันเกียร์ที่อ่างเกียร์ และหม้อทอร์ค คอนเวอเตอร์ ก็จะใช้ปริมาณน้ำมันเกียร์อยู่ 4-5 ลิตร
2. ถ้าเกิดเปลี่ยนน้ำมำนเกียร์ แบบ full. คือ เปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ ยางอ่างเกียร์ โอริงชุดวาล์วบอดี้(สมองเกียร์ ) คือต้องถอดกรอง + ชุดสมองเกียร์ออกมา ก็จะใช้ปริมาณน้ำมันเกียร์อยู่ 7-8 ลิตร ครับ อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับศูนย์นี้ครับ :sd23: :sd23: เพราะว่าลูกค้าจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเปลี่ยนจริงไหมบางทีอาจจะเปลี่ยนแค่ยางอ่างเกียร์เนื่องจากได้อายุการใช้งานแล้วมันจะแข็งทำให้น้ำมันรั่ว ก็อาจจะมักง่ายหรือขี้เกียจถอดกรอง ถอดสมองเกียร์ ก็จะใช้นำ้มันเกียร์แค่ 4-5-6 ลิตร ที่เหลืออีก 2-3 ลิตรก็........................ :sd06:
--- End quote ---
อีก 2-3 ลิตรมันระเหยไปใช่ปะพี่เอิร์ท :sd42: :sd42:
อั๋น ราชพฤกษ์:
:sd42: ขอบคุณคับพี่ตาม คับ.
:sd42: :sd42: ผมคงเป็นเป้าหมายของเค้าตามที่พี่บอกเลยอ่ะคับ เดินเข้าไปหาถึงที่เลยคับ. :sd42:
หยก วาฬน้ำเงิน:
--- อ้างจาก: อั๋น ราชพฤกษ์ ที่ 16 กันยายน 2014, 11:37:20 --- :sd42: ขอบคุณคับพี่ตาม คับ.
:sd42: :sd42: ผมคงเป็นเป้าหมายของเค้าตามที่พี่บอกเลยอ่ะคับ เดินเข้าไปหาถึงที่เลยคับ. :sd42:
--- End quote ---
สุภาษิตจีนกล่าวว่าการเดินทางไกลหมื่นลี้ย่อมเริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ ผมกันพี่อั๋นเรามาถูกทางแล้วครับ :sd42: :sd42:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version