(เครดิต ทีมที่ปรึกษา รั้วสังกะสี)ตอน11-ลำดับการแต่งตาม N-Chart Table  
  ตาราง N-Chart(เครดิตภาพประกอบจากพี่อ๊อด ราชรี)
ตาราง N-Chart(เครดิตภาพประกอบจากพี่อ๊อด ราชรี) แสดงให้เห็นลักษณะของ road map ในการตกแต่ง engine pajero sport และอื่นๆ  ด้วย concept ที่ให้การตอบสนองที่เป็นธรรมชาติของการขับขี่  อีกทั้งทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองอัตราเร่งด้วยความเร็วรอบและการหมุนของใบและบูสเทอร์โบ  อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานการใช้งานในชีวิตประจำวัน   ที่ไม่ต้องดูแลรักษาแบบ N-standard หรืออาจจะคอยสังเกตุหรือจับการเปลี่ยนแปลงของการทำงานบ้างหากเล่นในแบบ N-advance  โดยที่ทุกอย่างที่เป็นของติดรถของเครื่องยนต์ STD fac. ยังคงไว้แบบเดิมเพราะต้องการประสิทธิภาพของอายุใช้งาน  การบำรุงรักษาและการหน่วงอายุการทำงานของความเสื่อมของเครื่องยนต์   ให้อยู่กับเรานานๆจนเลขวัดระยะทางตีกลับมาอีกรอบก็เป็นได้  
หมายเหตุ: รถที่ไม่มีการดูแลรักษา ซ่อมบำรุงตามอายุใช้งาน การขับที่สร้างความเค้นให้เครื่องยนต์ด้วยภาระต่างๆ   มีผลทำให้เครื่องยนต์และสภาพรถของท่าน เสื่อมก่อนเวลาอันควรและอาจเสื่อมกว่ารถที่ตกแต่งเครื่องยนต์แต่ดูแลรักษาเป็นประจำ จากตารางจะแบ่งเป็น 2 ซีก(สังเกตุจากสี)  สีเขียว N-standard     สามารถใช้งานได้หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้รถแบบปกติหลังอุณหภูมอเครื่องยนต์พร้อม
                                 ไม่ต้องมีการดูแลรักษาอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องมีเครื่องตรวจวัดอะไร ให้คอยมอนิเตอร์ดูแล
สีเขียว N-advance     สามารถใช้งานได้หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้รถแบบปกติหลังอุณหภูมอเครื่องยนต์พร้อม 
                                การใช้งานรถที่แต่งเครื่องยนต์ใน mode นี้แนะนำให้ติดอุปกรณ์ มอนิเตอร์ค่าแรงดันต่างๆ
                                เพื่อคอยดู คอยตรวจสอบให้อยู่ในระยะใช้งานที่แนะนำกันไว้ และสังเกตุความผิดปกติของเกจวัด           
                                หรือเสียงการทำงานของเครื่องยนต์  หรืออาการตอบสนองของเครื่องยนต์ และเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ 
                                 ของเหลว ให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล (อย่าหลงคำโฆษณา มากเกินไป)  
มาดูกันว่าในตารางทำไมให้ค่าเซฟตี้  ไม่เท่ากันหรือต่างกันโดยปกติแล้วเครื่องยนต์ที่ออกมาขายในตลาดนั้นจะมีค่าเซฟตี้แฝงอยู่ในเครื่องประมาณ 30-35 %  มีเผื่อไว้สำหรับการรองรับการสึกหรอ  การเสื่อมของสภาพเครื่องยนต์   ความร้อนที่เกิดขึ้น ณ.จุดต่างๆ    การละเลยต่อการดูแลรักษา  และการยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์   ทั้งหมดนี้เราสามารถดึงประสิทธิภาพเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร   โดยที่คำนึงถึงพื้นฐานการออกแบบและการ เซฟเครื่องยนต์เพื่อการใช้งานประจำวัน
Step I : เมื่อทำแล้วจะให้การตอบสนองที่ดีขึ้นประมาณ 5-10 %   อัตราเร่งตอบสนองพอสมควร    การทำไม่ยุ่งยากและไม่ยุ่งอะไรกับตัวเครื่องยนต์เลย    หากเป็นกล่องข้าวน้อยที่แนะนำ  เป็นรุ่นปลั๊กสามารถถอดและใส่ได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีการตัดต่อสาย   และปลั๊กใช้เป็นรุ่นที่ใช้งานในห้องเครื่องยนต์ได้   ไม่มีผลเรื่องความร้อนในการใช้งานสภาวะปกติ    จากการตกแต่งที่เพิ่มขึ้น 
เพียงเท่านี้ยังถือว่าเหลือๆ  สำหรับเครื่องยนต์อีกมากพอสมควร  ประมาณ 25-30 % เลยทีเดียวStep II : หลังจากแล้วจะให้การตอบสนองที่ดีขึ้นประมาณ 15-20 %   มีการดัดแปลงsensor ท้ายรางเพิ่มให้ทนแรงดันสูงกว่าเดิม   จึงทำให้เครื่องยนต์มีกำลังจากแรงดันจากกล่องดันรางที่เพิ่มมากขึ้น  และหากมีการเพิ่มบูสเทอร์โบโดยการรองแหวนนั้น   ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ต้องดูแลอะไรเพิ่มเติม  เพราะบูสคงได้อย่างมากไม่เกิน  16-17 psi  และไม่ไหลไปกว่านี้เนื่องจากยังไม่ตัดสะพานลมจากเทอร์โบมาประยุกต์ใช้งาน   Step 2 นี้สามารถทำให้รถมีอัตราเร่งที่รวดเร็วดีกว่าเดิมมากจนรู้สึกได้  การออกตัวไม่มีคำว่าอืด  การตอบสนองคันเร่งไวทุกจังหวะ  อัตราเร่งแซงที่ความเร็วต่างๆทันใจพอสมควร  ที่รอบใช้งานจะรู้สึกว่าการกดคันเร่งเบาขึ้นมาก  เรื่องความร้อนเกิดขึ้นไวกว่าเดิมประมาณ 1-3 องศา  เนื่องมาจากอัตราตอบสนองของเครื่องยนต์ที่จัดจ้านกว่าเดิม   แต่การระบายความร้อนหลักยังสามารถรองรับได้  
สำหรับการแต่งในขั้นนี้ถือว่ายังเซฟเครื่องยนต์อยู่พอสมควร  ประมาณ 15-20 %  (หากจูนไม่มากและอยู่ในค่าที่แนะนำ  และการใช้งานที่เหมาะสม)
หมายเหตุ: การใช้กล่องดันราง ที่จูนค่าการดันรางสูงเกินไป จะเป็นการเค้นให้หัวฉีดทำงานหนักกว่าเดิมและแรงดันที่สูงกว่าเดิมมากๆ จะเป็นอันตรายกับระบบฉีดเชื้อเพลิง เช่น รางหัวฉีด และระบบปั๊มคอมมอลเรียล รวมถึงการขับขี่ที่รอบเครื่องยนต์สูงตลอดเวลา เป็นการลดความยั่งยืนของเครื่องยนต์ลงตลอดเวลา ฉะนั้นควรเล่นในแบบมีขีดจำกัด และไม่ตกแต่งเพิ่มเติมมากไปกว่าคำแนะนำที่กล่าวมา Step III : การจาก upgrade จาก step 2 >> step 3 นี้คือการเปลี่ยนปลายหัวฉีด เพื่อลดภาระการเค้นแรงดันผ่านหัวฉีดตัวเดิม  จากหัวฉีดที่ใหญ่ขึ้นจะสามารถจ่ายน้ำมันได้มากกว่าเดิมในหนึ่งช่วงเวลา   เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็สามารถลดการดันรางลงได้มากกว่าเดิม  หากเราปรับบูสเทอร์โบให้สูงขึ้นจนสัมพันธ์กับรองเครื่องยนต์และความต้องการของหัวฉีดแล้ว  จะเห็นประสิทธิภาพจากหัวฉีดใหญ่ชัดเจนกว่าเดิม  อีกอย่างที่จะสังเกตุได้ชัดคือเครื่องยนต์ทำงานเบาขึ้น   การยืนพื้นที่ความเร็วนิ่งขึ้น   การเรียกรอบและความเร็วสามารถทำได้ง่ายโดยที่มีการเปลี่ยนแปลงของรอบน้อยมากกว่าปกติเพราะจากน้ำมันที่จ่ายเยอะกว่าทำให้รถมีกำลังมากว่า   ขณะมีน้ำหนักบรรทุก  ขณะออกแรงฉุดลาก   ขณะไต่ทางชัน  รถที่หัวฉีดใหญ่จะได้เปรียบกว่าเสมอ    อัตราการสิ้นเปลืองมากกว่าเดิมแน่นอน  แต่จะใช้ช่วงเวลาสั้นกว่าเดิม  ฉะนั้นในการเดินทางด้วยระยะทางยาวๆ  รอบเครื่องคงที่  รถที่หัวฉีดใหญ่จะมีกำลังมากกว่าตลอดช่วง  และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือเรื่องควันที่อาจจะมากกว่าเดิม  เพราะรถที่ออกแบบมาจากโรงงานจะคำนึงถึงสิ่งพวกนี้ด้วย  จึงไม่สามารถตอบสนองให้ได้หมดทุกอย่าง  สำหรับรถที่ตกแต่งมาถึงจุดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเกจมอนิเตอร์ค่าชี้วัดต่างๆจากเกจของเครื่องยนต์ปกติ เช่น  เกจวัดบูส  เกจวัด engine temp เกจวัด water temp เป็นต้น     จากสิ่งที่พูดมานี้แหละคือการลดภาระของเครื่องยนต์ลง   จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่ในสภาวะที่กดดันน้อย  เกิดการเสื่อมจากการใช้งานปกติน้อยลงกว่า จึงมี
ผลทำให้ค่าเซฟเครื่องยนต์สูงขึ้นมาอีกหน่อย อยู่ประมาณ  เกือบ 20 %  (จูนอยู่ในค่าที่แนะนำและการใช้งานที่เหมาะสม)
หมายเหตุ: การเปลี่ยนปลายหัวฉีด  ควรคำนึงถึงเรื่องเครื่องมือและความชำนาญของช่างรวมถึง  วัสดุของปลายหัวฉีดที่นำมาใช้  หลีกเลี่ยงของราคาต่ำ  และของที่ไม่มีคุณภาพ  เพราะปัญหาอาจเกิดจากสิ่งพวกนี้มากกว่าวิธีการ   โปรดพิจารณาก่อนตัดสินใจ  Step IV : การจาก upgrade จาก step 3 >> step 4 นี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่มีการเปลี่ยนปลายหัวฉีดที่ใหญ่กว่าเดิม   เพื่อบูสเพื่อหวังผลเรื่องการตอบสนอง  เพิ่มน้ำมันให้ปั๊มคอมมอลเรียล  เพื่อค่าแรงดันรางที่เหมาะสม และมีการปรับแต่งการระบายไอเสียให้ดีกว่าเดิม  เช่นการดัดแปลงหม้อพัก   หรือการเปลี่ยนท่อไอเสีย  ต่างๆ (แต่ยังไม่แนะนำให้เปลี่ยนกรองอากาศ) เพราะของเดิมที่มากับรถยังรองรับได้สบายและช่วยหน่วงเครื่องยนต์รอบต่ำเพื่อสร้างแรงบิดสำหรับเกียรออโต้ได้ดี  ช่วยลดความชื้นในอากาศ  ช่วยป้องกันละอองน้ำจากแรงดูดของเทอร์โบ เมือขับรถลุยฝน     ใน step นี้มีการเพิ่มภาระเครื่องยนต์ขึนกว่า Step 3 พอประมาณ  แต่ทั้งนี้ให้กำหนดด้วยปริมาณการบูสของเทอร์โบและระมัดระวังเรื่องการเรียกแรงบิดในรอบต่ำ  การออกตัวที่รุนแรง  การใช้รถและเกียรเมื่ออุณหภูมิไม่พร้อมใช้งาน  การเลือกสารหล่อลื่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน   การคอยตรวจตรา ค่าชี้วัดต่างๆเวลาขับขี่  ต้องระวังและหมั่นคอยดูแลอยู่เป็นระยะ  จุดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเกจมอนิเตอร์ค่าชี้วัดต่างๆจากเกจของเครื่องยนต์ปกติ เช่น  เกจวัดบูส  เกจวัด engine temp เกจวัด water temp เป็นต้น  จากการเพิ่มความสามารถของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนหัวฉีดที่ใหญ่ขึ้นแบบนี้  จะเห็นประสิทธิภาพจากหัวฉีดใหญ่ชัดเจนกว่าเดิมมาก  เครื่องยนต์ทำงานเบาขึ้นกว่าเดิม  อัตราเร่งรอบต่ำดีมาก  การยืนพื้นที่ความเร็วนิ่งมาก   การเรียกรอบและความเร็วสามารถทำได้ง่ายด้วยการเปลี่ยนแปลงของรอบที่สวิงน้อยกว่าปกติ  รถมีกำลังมาก  แรงฉุดลากดี   อัตราการสิ้นเปลืองมากกว่า step 3   แต่จะใช้ช่วงเวลาสั้นกว่าปกติ   การเดินทางด้วยระยะทางยาวจะมีกำลังต่อเนื่องดีมากกว่า   การใช้เชื้อเพลิงที่เผาผลาญไปคุ้มค่า  เรื่องควันที่อาจจะมากกว่าเดิม  
ยังพอเหลือค่าเซฟเครื่องยนต์ อยู่ประมาณ  เกือบ 10-12 %  และควรปรับจูนอยู่ในค่าที่เหมาะสมหรือค่าที่แนะนำและ  ฝึกการใช้งานที่เหมาะสมกับการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ปรับแต่งมา 
              ข้อเด่นของการเปลี่ยนหัวฉีดจะได้ผลประมาณนี้- กำลังมามากกว่าเดิม  ตลอดช่วง
- แรงบิดรอบตันมาไว โดยทีบูสยังไม่มา หากบูสมาจะได้แน่นๆอีกแบบ (แต่ควันมากแน่นอน ต้องปรับวิธีขับเพื่อลดควัน)
- สามารถลดการเค้นดันรางลงได้
- ถ้า 140 แรงม้าให้เพิ่มบูท 3-5 psi / ถ้า VG ไม่ต้องเพิ่ม
- อัตราเร่งเมื่อมีรอบและบูส มาเต็มกำลัง (มาพร้อมควันที่เผาไหม้มากเกินจังหวะ ต้องหัดประคองจังหวะ)
- กินน้ำมันมากกว่าเดิม แต่กินสั้นกว่าเดิมต่อการใช้รอบเร่ง  ระยะทางยาวได้เปรียบ
- ถ้าเปลี่ยนกรองอากาศให้โล่ง จะช่วยเรื่องส่วนผสมและควันบางลงได้ (แต่ไม่แนะนำให้เปลี่ยน ให้ใช้ของเดิมและบูส อยู่ใน concept)
ข้อด้อยของการเปลี่ยนหัวฉีด(ตาม concept) ที่ทดสอบมา- ควันมากกว่าเดิม ช่วงต้นและช่วงหัวคันเร่ง (ต้องปรับวิธีการเติมคันเร่ง)
- แรงดันของกำลังที่มากกว่าเดิม  
อาจจะส่งผลถึงซีลและลูกยางต่างๆ (หากเอารถที่มีอายุใช้งานมากกว่า 70000 โลมาปรับแต่ง)
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมมากกว่าเดิม 1-1.5 กิโลลิตร (ในเมือง)
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมมากกว่าเดิม 0-1 กิโลลิตร (นอกเมือง)
- อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันสังเคราะห์ 100%
 เพื่อเป็นข้อมูลนะครับ
 BBB gang (แก๊งค์กระเป๋าแหก)
***แค่นี้ก่อนนะครับ   มีโอกาสพบกันได้ในตอยต่อไป.....