(เครดิต ทีมที่ปรึกษา รั้วสังกะสี)
ตอน10 -การทดสอบเทอร์โบติดรถ กับบูสในค่าต่างๆ  เพื่อจะรู้ว่าเทอร์โบติดรถ เล่นบูสได้เท่าไรที่ทนนาน ??? 
รู้ทันเกมส์ กับการเล่นกับรถเรา
ทีมที่ปรึกษารั้วฯคอยให้ข้อมูลสนับสนุนอยู่บ่อยครั้งว่า เครื่องยนต์ไทรทันหรือปาเจโร่  สปอต  ทั้ง 2.5  และ 3.2 นั้นมีค่ากลางและค่าทดสอบการใช้งานจริงอยู่   ซึ่งบางอย่างอาจแตกต่างกันไปบ้างกับ spec hardware  ดังนี้
เฉพาะเครื่อง4D56และ4M41โดยเครื่องรหัส4D56 ที่ติดตั้งมาในรุ่นของ2500นั้น  สามารถปรับเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้รอบเครื่องยนต์และกำลังสูงขึ้นได้ดีและชัดเจนกว่าเครื่อง4M41 ที่ติดตั้งมาในรุ่น 3200 cc
เครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นนั้นถูกควบคุมด้วยระบบหัวฉีดของ DENSO รวมถึงกล่อง ECM หรือที่เราเรียกว่า ECU นั้นแหละ และมีอุปกรณ์ช่วยในการสร้างประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ด้วยระบบ turbo ตระกูล " ไลท์ เทอร์โบ "
การทำงานของเทอร์โบก็คือ ในขณะมีการเรียกใช้กำลังเครื่องยนต์อย่างเต็มที่  ไอเสียที่ถูกระบายออกจากเครื่องยนต์  จะผ่านเข้าไปในกังหันเทอร์ไบน์  และปั่นอากาศด้านไอดีเข้าเครื่องยนต์  การทำงานแบบนี้  หากทำงานหนัก  อาจมีความร้อนถึงสูงเรียกว่าร้อนจนแดง (หอยแดง)  อีกทั้งวัสดุที่มาทำเทอร์โบนั้นยังต้องสามารถทนต่อแรงเหวี่ยงของใบพัดที่มีความเร็วสูงอีกด้วย  วัสดุดีมากก็ราคาแพง  วัสดุธรรมดาหน่อยก็ต้นทุนถูกหน่อย  จึงต้องมีการออกแบบ การควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ชนิดนี้เพื่อลดปัญหาและต้นทุนการผลิต  แต่ในส่วนนี้ทำให้เทอร์โบถูกควบคุมค่อนข้างยาก เพราะความเร็วของกังหันใบพัด ไม่เป็นอัตราส่วนโดยตรงกับแรงดัน เช่น กังหันหมุนด้วยความเร็วถึงระดับ 80-90% แล้วยังอัดอากาศอะไรไม่ได้มากเนื่องมาจาก  ขนาดของเทอร์โบและข้อจำกัดต่างๆของขนาดใบพัด  พอเมื่อเติมความเร็วรอบเครื่องยนต์ขึ้นไปอีก ก็จะมีแรงดันเพิ่มมากขึ้นและเมื่อแรงดันมาสร้างแรงปั่นถึงความเร็วรอบที่ 100%  จะสังเกตเห็นได้ว่า ความเร็วกับแรงอัดไม่สัมพันธ์กัน  เพราะถูกกำหนดด้วยขนาด  ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่าเวสเกต มาคอยช่วยคุม  โดยการปล่อยแรงดันจากการระบายไอเสีย  ที่มากเกินกว่า turbo จะทำงานได้  เพื่อหยุดความเร็วและรักษาการทำงานของระบบเทอร์โบ  ก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้ส่วนอื่นๆตามมา  และเรื่องความร้อนก็จะสูงตามมาด้วย 
เมื่อมีโจทย์คือต้นทุนที่ต่ำ  ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น  เพื่อผลทางการตลาด  คือการแก้ปัญหาเรื่องความสูญเสียกำลังเครื่องยนต์  และดึงค่าพวกนั้นกลับมาใช้งานให้ได้เต็มประสิทธิภาพที่ควรจะทำได้  ดังนั้นผู้ผลิตจึงพัฒนาเครื่องยนต์ โดยการเอาเครื่องยนต์ ที่เทคโนโลยีพื้นฐานดีเดิม ๆ มาปรับปรุงใส่เทอร์โบ เพื่อช่วยเรียกแรงในส่วนที่ขาดหายไป  ในการทำงานของระบบเครื่องยนต์ที่ความเร็วรอบสูงๆ  เหตุที่แรงม้าของเครื่องยนต์มันขาดหายไปในรอบสูง ก็สาเหตุมาจากการที่วาล์วไอดีไอเสีย เปิด-ปิด เร็วมาก ตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ทำให้การบรรจุอากาศในกระบอกสูบลดลง หมายความว่า โครงสร้างของเครื่องยนต์ที่ได้ออกแบบมานี้ใช้งานได้ 100% เมื่อรอบใช้งานปกติ ต่ำ แต่เมื่อรอบเครื่องสูงขึ้น กำลังกลับมีการสูญเสียมากขึ้น   ตรงนี้ก็คือที่มาของคำว่า "ไลท์ เทอร์โบ" หมายถึงการเพิ่มระบบเทอร์โบ เพียงเพื่อเสริมและแก้ไขการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์   ที่หายไปให้กลับคืนมา โดยไม่ต้องเพิ่มภาระเครื่องยนต์มากมายนัก  และไม่ต้องปรับปรุงโครงสร้างเครื่องยนต์เพิ่มเติมแต่ประการใด อีกทั้งยังจะให้ความทนทานและมีอายุตามปกติ  ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย 
***กลับมาที่ทดสอบอุปกรณ์ที่ควบคุมเครื่องยนต์ 2 รหัสนี้  ดังนี้
การปรับแต่งเวสเกต  ให้ boost สูงเกินกว่ากำหนดมาตรฐานนั้น  จากการทดสอบ(ไม่อ้างอิงคู่มือ)
-   ของเดิมจากโรงงาน   Boost 14.5psi (avg.)      เหมาะสมใช้งานปกติชีวิตประจำวัน+safety  30%
-   ปรับแต่งเวสเกต        Boost 17-18psi (avg.)    สามารถใช้งานปกติได้  +safety  15 %
-   ปรับแต่งเวสเกต        Boost 17-19.5psi (avg.)  ยังสามารถใช้งานปกติได้  +safety  10 %
-   ปรับแต่งเวสเกต        Boost  20-22psi (avg.)    สามารถใช้งานได้  +safety  5 %
-   ปรับแต่งเวสเกต        Boost  25-27psi (avg.)    สามารถใช้งานได้  +safety  -2 %
Note :1 bar = 14.507 psi ( แนะนำให้เล่นกัน 17-19.5 psi หรือ 1.3 bar  เท่านั้น) เพราะเวลารถ นน.บรรทุกมากขึ้น  การไต่รอบที่ช้าจะทำให้เวสเกต ค่อยๆเปิด  มีโอกาส boost เกินขึ้นไป 1-2 psi   ขึ้นไปแตะที่ limit safety  5 % เพียงชั่วเวลาหนึ่ง  ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้  หากถามว่าดีเหมือนเดิมไหม  ต้องบอกว่าคุณต้องยอมรับความเสี่ยงตั้งแต่คุณปรับแต่งเครื่องยนต์แล้ว  แต่เพียงแต่ว่าเราจะควบคุมกันที่จุดไหนเท่านั้น
การทดสอบการทำงานของ Tubo ติดรถของเครื่อง 4D56 และ 4M41
-   จากโรงงาน   Boost 14-15 , Boost peak 15-16 psi (avg.)    เหมาะสมใช้งานปกติชีวิตประจำวัน
-   ทำงานที่       Boost  17-19 , Boost peak 19-21.5psi (avg.) ยังสามารถใช้งานปกติได้ +safety 5-10 %
-   ทำงานที่       Boost  22-25 , Boost peak 25-27 psi (avg.)   แกนทนความร้อนได้ที่ 35-45 นาที 
-   ทำงานที่       Boost  25-27 , Boost peak 27-29 psi (avg.)   แกนทนความร้อนได้ที่  20-30 นาที 
-   ทำงานที่       Boost  29-33 , Boost peak 30-35 psi (avg.)   แกนทนความร้อนได้ที่  15 -20 นาที 
-   ทำงานที่       Boost  42 ? 45,  Boost peak 45-47  psi (avg.) แกนทนความร้อนได้ที่  4-8  นาที
Note :  แนะนำให้เล่น Boost  17-19 , Boost peak 19-21.5psi (avg.)กรณีหัวฉีดเดิม และ Boost  20-22 , Boost peak 22-24.5psi (avg.)กรณีหัวฉีดใหญ่กว่า 2.8-3.2 cc จากเดิมเท่านั้นอย่าเกินนี้  เพราะยังมีตัวแปรเรื่องเกรดน้ำมันเครื่อง / อุณหภูมิเครื่องยนต์ / อุณหภูมิภายนอก / ภาระน้ำหนักรถ / สภาพของเครื่องยนต์  และอื่นๆที่จะมีผลทำให้เวลาที่ทดสอบ  เพิ่มขึ้นหรือลดลงแตกต่างกันไป  และบางครั้งปั๊ม อาจพังก่อนที่จะครบเวลาทดสอบอีก  หากอยากเล่นเกินกว่าคำที่แนะนำนี้หรือมีการทดสอบที่ได้ตัวเลขดีกว่านี้  ก็พิจารณาตามข้อมูลที่ได้รับโดยละเอียดอีกครั้ง  
 อย่าลืมว่า ? คุณต้องยอมรับความเสี่ยงตั้งแต่คุณปรับแต่งเครื่องยนต์แล้ว  พียงแต่ว่าเราจะควบคุมกันที่จุดไหนเท่านั้น ?
 
เพื่อเป็นข้อมูลนะครับ  
แก๊งค์กระเป๋าแหก
 :D ;D